
ความแตกต่างระหว่างเกม VR กับ AR
เทคโนโลยี VR และ AR นั้นมีความแตกต่างกันอยู่ อย่างเทคโนโลยี AR ย่อมาจาก Augmented Reality ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำวัตถุ 3 มิติ มาจำลองเข้าสู่โลกจริงของเรา โดยหลักการทำงานคือการใช้ Sensor ตรวจจับภาพ เสียง สัมผัส หรือกลิ่น แล้วสร้างภาพ 3D ตามเงื่อนไขที่ได้รับ โดยการประมวลผลจากซอฟต์แวร์ ผู้ใช้จะต้องมองผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สามารถแสดงภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นแว่นตา จอภาพ หน้าจอสมาร์ทโฟน หรือคอนแทคเลนส์ที่เป็นฮาร์ดแวร์ วันนี้ เกมส์บันเทิง จะพามาดู

AR นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่
1. Marker-Based – ใช้สำหรับติดตั้งในใบปลิวหรือวัตถุอื่น ๆ ผู้ใช้สามารถดูภาพ 3D ได้โดยการเล็งกล้องของสมาร์ทโฟนไปที่วัตถุ เช่น กระดาษเปล่า ซึ่งเมื่อดูด้วยกล้องของสมาร์ทโฟน ข้อมูลจะแสดงขึ้น
2. Markerless – ผู้ใช้สามารถหยิบวัตถุและวางไว้ในโลกแห่งความเป็นจริงผ่านแอปพลิเคชัน เช่น การนำเฟอร์นิเจอร์เสมือนจริงไปที่ห้อง ก่อนซื้อจริง
3. Location-Based – หากกล้องสมาร์ทโฟนชี้ไปที่ AR ตามตำแหน่ง กล้องจะแสดงข้อมูลตาม GPS เกี่ยวกับตำแหน่งนั้น เช่น การแสดงป้ายถนนและชื่อถนน
ตัวอย่างการนำเทคโนโลยี AR ไปใช้
- การดูภาพ 3 มิติจากการเปิดกล้องบนสมาร์ทโฟนสามารถใช้เป็นสื่อการสอนในโรงเรียนได้
- แสดงเนื้อหาในสถานที่จริง เช่น เป็นแนวทาง (ของ Google) หรือเพื่อใช้ในธุรกิจการท่องเที่ยว ตามสถานที่ท่องเที่ยวเช่นพิพิธภัณฑ์
- ใช้สำหรับเล่นเกมเกี่ยวกับสถานที่ เช่น Pokemon GO
- ใช้ในการซ้อมรบทางทหาร
- ใช้ในนิทรรศการศิลปะโดยให้ความละเอียดที่อ้างอิงจากชิ้นงานจริง
- ใช้ในสื่อโฆษณาในการแสดงสินค้าต่างๆ

ส่วนเทคโนโลยี VR นั้นย่อมาจาก Virtual Reality เป็นเทคโนโลยีที่จำลองสถานที่เป็นโลกเสมือนจริงซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการมองเห็น ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับสถานที่หรือสภาพแวดล้อมจำลองผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ หรืออุปกรณ์ที่ออกแบบเอง เช่น ถุงมือ รองเท้า ฯลฯ
VR ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจน เนื่องจากต้องใช้แว่นตา สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์สวมใส่เพื่อเข้าสู่โลกเสมือนจริง แต่มีอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จะทำให้สมจริงยิ่งขึ้น เช่น เครื่องจำลองการเคลื่อนตัวของรถไฟเหาะ เครื่องกำเนิดการสั่นสะเทือน
ตัวอย่างการเอาเทคโนโลยี VR ไปใช้
- ใช้ในเกมเช่นเกม FPS (ยิงปืน) ปืนจำลองสำหรับพกพาขณะเล่น และโปรแกรมจำลองการเดินและวิ่งที่ติดอยู่กับเราซึ่งคล้ายกับลู่วิ่ง
- ใช้เพื่อจำลองการฝึกบินของนักบิน
- ใช้เพื่อจำลองการฝึกทหาร เช่น การดิ่งพสุธา ซึ่งต้องใช้ชุดอุปกรณ์กระโดดร่มจริงและอุปกรณ์ภาคพื้นดิน
- ใช้สำหรับตกแต่งห้องจำลอง (บริษัทอสังหาริมทรัพย์บางแห่งใช้เทคโนโลยีนี้ในโครงการใหม่เพื่อให้อ้างอิงตำแหน่งจริงได้ง่ายขึ้น)
อันที่จริง ทั้งเทคโนโลยี AR และ VR นั้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้มากมาย จึงเห็นได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มาก และจากบทความนี้คงทำให้ใครหลาย ๆ คนทราบแล้วว่าเทคโนโลยี VR นั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อการเล่นเกมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ที่มา https://blog.cloudhm.co.th/ar-vr/